วันเสาร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

น้ำพริกกบPaste the frog.

คลิ๊กเพื่อดูรูปใหญ่่น้ำพริกกบ               น้ำพริกกบ เป็นน้ำพริกที่มีส่วนผสมหลักคือ กบ มีลักษณะแห้ง ชนิดของพริกที่นิยมใช้คือ พริกขี้หนูแห้ง หรือใช้พริกเม็ดใหญ่แห้ง แล้วแต่ชอบ มีกลิ่นหอมของดีปลี
1. กบย่างไฟ 3 ตัว
2. พริกขี้หนูแห้งคั่ว 7 เม็ด
3. กระเทียมย่างไฟ 10 กลีบ
4. ข่าโขลก 1/2 ช้อนโต๊ะ
5. ดีปลีคั่ว 1 ผล
6. มะแขว่นคั่ว 1 ช้อนชา
7. มะเขือขื่นย่างไฟ 1/2 ถ้วย
8. เกลือ 1/2 ช้อนชา
9. ผักชีซอย 1 ช้อนโต๊ะ
10. ต้นหอมซอย 1 ช้อนโต๊ะ

ผีปอบ : มิติวัฒนธรรมของคนอีสาน

                                      
เมื่อกล่าวถึงปอบหรือผีปอบผู้คนในสังคมไทยคงนึกเห็นภาพ “ผีปอบ” เป็นสิ่งที่น่ากลัว เพราะได้พบเห็นผีปอบจากสื่อต่างๆอย่างหลากหลายโดยเฉพาะทีวี และภาพยนตร์ ผีปอบมีตัวตนสามารถวิ่งไล่จับคนมาควักตับ ไตไส้พุงออกมากินสดๆ ภาพผีปอบที่พบเห็นดังกล่าวเป็นผีปอบในจินตนาการ แต่ผีปอบในมิติวัฒนธรรมของคนอีสาน ทุกกลุ่มชาติพันธุ์ ผีปอบเป็นผีที่น่ากลัวยิ่งกว่า เพราะผีปอบไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า แต่มีอิทธิฤทธิ์สามารถทำร้ายคนถึงขั้นเสียชีวิต นอกจากเกจิอาจารย์ ผู้ขมังเวทย์ ที่ชาวอีสานเรียกว่าหมอธรรม หมอทรง และผู้ที่ถูกสังคมประทับตราว่าเป็น “ผีปอบ” เท่านั้นจึงจะมองเห็นตัวตนของผีปอบ..ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกยุคโลกาภิวัตน์ ขนบธรรมเนียมประเพณีและความเชื่อของชาวอีสานบางอย่างยกเลิกไปบางสามรถดำรงอยู่ได้ แม้วิทยาศาสตร์เจริญก้าวหน้าไปไกลแค่ไหน โดยเฉพาะปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ และการป่วยเจ็บ ชาวอีสานมักมองว่าอาการป่วยเจ็บต่างๆมีปัจจัยเกิดจากการกระทำของผีต่างๆ  เช่น   ผีปอบผีบรรพบุรุษ ผีเจ้าป่าเจ้าเขา     เป็นต้น ปรากฏการณ์เหล่านี้ยังปรากฏให้พบเห็นได้ทั่วไปในสังคมอีสาน    สาเหตุประการหนึ่งสืบเนื่องมาจากสังคมอีสาน   เป็นสังคมที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์  และหลากหลายวัฒนธรรม  เช่น ลาว ผู้ไท เขมร ส่วย  โซ่   ย้อ    เป็นต้น    แต่ความหลากหลายดังกล่าวผู้คนในสังคมอีสานมีจุดร่วมเดียวกันประการหนึ่ง    คือความเชื่อเรื่องผี   โดยเฉพาะผีปอบ 

เพลงกล่อมเด็กประจำภาคอีสาน

อื่อ...อื้อ...อื้อ...นอนสาเด้อหล่าหลับตาแม่สิกล่อม นอนตื่นแล้วเจ้าจั่งแอ่วกินนม แม่ไปไฮหมกไข่มาหา แม่ไปนาจี่ปลามาป้อน แม่เลี้ยงม่อนอยู่ในป่าสวนมอน นอนตะแคงกะอยู่กกไม้เนิ่ง ฟังเสียงเอิ้นกะอ้ายบ่าวสิลา เพิ่นไปนาจับอึ่งมาแล้ว จับอึ่งแล้วเลี้ยงวัวเลี้ยงควาย ควายกูเสียอีแม่กู่ด่า เต้นเข้าป่าเห็นนกแจ้นแว้น แจ้นแว้นเอ้ยเห็นความยกู่บ่อเห็นบ่อแท้จักว่าโต๋ได๋ อื่อ...อื้อ...อื้อ...

บทที่ ๒ 
อื่อ...อื้อ...อื้อ...นอนสาเด้อหล่าหลับตาแม่สิกล่อม นอนแต่เซ่าเจ้าอย่าติงคิง นอนจริงจริงหลับตาจ้อยจ้อย ลูกอ่อนน้อนหลับแล้วแม่สิกวย เขาขายกล้วยแม่สิซื่อให้กิน อย่าสุติงนอนสาลูกแก้ว นอนอู่แก้วในอู่สายไหม แม่สิไกวไปมาไวไว นอนอู่ไทยกวยไปโตนเต้น กวยโอนเอ้นหลับแล้วอย่าติง อื่อ...อื้อ...อื้อ...

บทที่ ๓

นอนสาหล่าหลับตาแม่กล่อม นอนตื่นแล้วจั่งหลุกกินนม กินนมไฝ่บ่ปานนมแม่ กินนมแม่มันแซบมันหวาน มันหวานลงหวานลงคือกล้วยหวานจ้วยๆใส่ปากคำแพง เอ้อ ฮะ เอ้อ ฮะ เอ้อ ฮะ เอ้อ ๆ แม่ไปไฮ่เอาไข่มาหา แม่ไปนาเอาปลามาป้อน แม่เลี้ยงม้อนอยู่ในสวนมอน เอ้อ ฮะ เอ้อ ฮะ เอ้อ ฮะ เอ้อ นอนสาหล่าหลับตาแม่ชิกล่อม ขดอ้อมป้อมนอนแล้วอย่าตีง มิดอิ้งติ้งอย่ากวนอย่าแอ่ว นอนตื้อแล้วจังลุกกินนม เอ้อ ฮะ เอ้อ ฮะ เอ้อ ฮะ เอ้อ

บทที่ ๔ 
เอ้อ ฮะ เอ้อ ฮะ เอ้อ ฮะ เอ้อ นอนหนูนอนแม่จะร้องเพลงกล่อมให้เสียงดัง ๆ หนูนอนฟัง ฟังแล้วหนูจงนอนสาหล่า หลับตาแม่สิกล่อม คันแม่นนอนอู่เต้งนอนเล้งอู่ไหม นอนอู่ไหมสิไหลลงอู่แก้ว นอนอู่แก้ว นอนแล้ว แม่สิไกว อือ อื้อ แม่ไปไฮ่ สิเอาไข่มาหา พ่อไปนาสิเอาปลามาป้อน นอนสาหล่าท่ากินปลานำพ่อ รอท่ากินไขต้ม คอยท่าแม่มา อือ อื้อ ไผบ่อนอนแมวโพงสิขบแก้ม ฝาบ่อแอ้มแมวเป้าสิเขี่ยนตา แมวโพงเป้าสิขบกัน ม่าว มาว แม่สิฝั่นเซือกค่าวไปค้องคอแมว อือ อื้อ กุดกรู ๆ กะหัวนาข้าวก่ำ ค่ำมาแล้วสิพาน้องเมือนอน นกเขาน้อยกะยังนอนนำแม่ คำเอย แพรและผ้าสิหาตุ้มกะบ่อมี อือ อื้อ ตุ๋หลูหล่านอนสา แม่สิกล่อม ห่มผ้าอ้อม นอนพร้อมแม่สิไกว นอนอู่ผ้า สองวาแม่เจ้าต่ำ คำเอย นอนอู่ไม้ สองปล้องอีพ่อสาน อือ อื้อ







บทที่ ๕ หมกไข่ไก่

เอ่ เห่ เอ้ เห่ เอ่ แม่ไปไฮ่หมกไข่ไก่มาหา แม่ไปนา หมกไข่ปลามาป้อน แม่ไปเลี้ยงม้อนเก็บบักมอนมาส่ง นอนสาแม่เด่อ หลับตาสาแม่เด่อ

บทที่ ๖ แมวโพง 
ขั่นว่านอนสาหล่า หลับตาเอยแม่สิก่อม ขั่นว่าอ๋ออ่อมอ้อยแมวน้อยสิตอดตา อั๋นว่าแมวโพงฮ้องในเอือนไต้ตะหล่าง
สิมาขบ แจ่มเจ้าบุตรตาแก้วแม่บ่นอน นอนสาหล่าคำเอยแม่สิก่อม ขั่นว่านอนอิ่มแล้วบุตรตาแก้วจังตื่นมา....นอ......

บทที่ ๗ เตะสองขา

เตง เล็ง เต่ง เล็งเตะเล็งเต่ง ขั่นพู่ได๋มันเก่งให้มันเต้นเข่ามา แม่สิจับสองขา ให้ดากซันเจ่งเด่ง นอนอู่ไหมไห่เจ้านอนสาเด้อหล่า บักนายเอย แม่สิก่อมคำเอ๋ย ไห่เจ้านอนอู่ไหมใหลลงอู่แก้วนอนแล้วแม่กวย แม่ไปไฮ่กะยังบ่ทันมา แม่ไปนายังมาบ่ทันฮอด ขั่นแม่มาฮอดแล้วบักนายน้อยตื่นกินนม....


บทที่ ๘ ลูกกำพ้า บัดนี่มาจักก่าวถึงลูกกำพ้าอนาถาบ่มีพ่อก่อนแห หาแพและผ่าผืนสิตุ้มห่มหนาว ขั่นว่าอาวไห่แพวาเดี๋ยวพอได้ตุ้มแตน้องโต๋เอื้อย กะอยุ่เปือยเปือยกะเปือย บ่ได่แหลฝนแฮงตกฟ้าแฮงฮ้อง กะบองไต้กะบ่มี ไห่เจ้านอนสาเด้อหล่านอนสาอย่าสิอ้อนอู่ ขั่นแม่นลูกพู่ฮู้ นอนแล้วอย่าแอ่ววอน ไห่เจ้านอนสาเด้อหล่า นอนสาอย่า สิแอ่วแนวเฮาเป็นกำพ้า ลุงป้าเพ

บทที่ ๙ นอนเด้อหล่า

นอนเด้อหล่าหลับตาเเม่สิกล่อม เจ้าบ่นอน บ่ไห้กินกล้วย เเม่ไปห้วย หาซ่อนปลาปู เก็บผักติ้ว มาไส่เเกงเห็ด
ไปไส่เบ็ดเอาปลาข่อใหญ่ อย่าร้องให้เเมวโพงสิจ๊กตา เจ้านอนซ่าเเมวโพงสิจ๊กหำ เจ้านอนค่ำแมวโพงสิจ๊กก้น
ติง ลิง ติ่ง ลิง ติ้ง ลิง ติง สิงลูกเเก้วนอนนานำพ่อ สิงลูกเเก้วกินเเล้วจั่งนอน ติง ลิง ติ่ง ลิง ติ้ง ลิง ติง
ลิงตกส่าง หางซันจิ่งดิ่ง ตกก้นคุ อย่าขี้กลางคืน ขี้กลางคืน ย่านเสือมาพ่อ ขี้มื่อเช้า ย่านเเมวเป้ามาเห็น
ยามกลางเวน จั่งขี้จั่งเหยี่ยว เอ้อ เฮอ เออ เฮอะ เอ้อ เฮอะ เออ... นอนสาหล่าหลับตาแม่สิกล่อม



บทที่ ๑๐ น่อนสาหล่า 

นอนสาหล่า หลับตา แมสิก็อม
เอ๋าะ ออม อ้อย แม่วน่อยตอดนวยต่าด่ำมั่นเด้อ....
แมไป่ไฮกะสิไป่หาปล่า
แมไป่น่าสิหาของม่าฝาก
บักหมากหว่า บักมัง บักหวาย
เอ๋าบักไฟ่ บักแงว บักส่าน
แต่งค่าฮ่านสิเอ่าม่าจิ้มแจว
บักเล็บแม่วกะสิให่ลูกหล่า
คั่นได้ปล่าสิเอ่าม่าต่ำปน
เข่าหน่าฝนปล่าไคเต่มท่อง
แมสิจ้องเอ่าม่าให่หนู
ได้กะปู่ แมสิเอ่าม่าลาบ
นกกระจาบเข่าม่าจิ๋กกิ่นเข่า
แมสิเอ่าตั๋บมั่นม่าปิ้ง
บักหัวลิ่ง แมสิให่กิ่นหวาน
ยอดบักต่าลกะสิม่าจิ้มแจว
กั๋บม่าแล่วสิม่าอุ้มลูกหล่า
กั๋บจากน่าสิพ่าค่วยเข่าคอก
ยอดผั๋กหนอกเอ่าม่าจิ้มแจวบ่อง

บทที่ ๑๒ เพลงแม่หม้ายกล่อมลูก 

นอนสาหล่าหลับตาแม่สิกล่อม นอนอู่แก้วนอนแล้วแม่สิกวย นอนสาหล่ากัลยาน้อยอ่อน แม่สิสอนลูกแก้วจอมสร้อยให้ค่อยฟัง เป็นคนนี่ยำเกรงผู้ใหญ่ คารวะละผู้เฒ่าผ่านใกล้หมอบคลานหย่างใกล้เผิ่นให้เจ้าเอิ้นขอทาง เผิ่นเอิ้นขายเจ้าอย่าได้เว้าหยาบ เป็นคำบาปบ่จบบ่งาม กริยาเลวทรามขายหน้าพ่อแม่ ลูกขี้แพ้พ่อแม่อยากอาย เกิดเป็นชายวิชาเป็นทรัพย์ เผิ่นจั่งนับถือหน้าถือตา บรรพชาสมบทคือบวช ให้หมั่นกวดศึกษาเล่าเรียน การทำเพียรกำจัดกิเลศ บ่เป็นเหตุเสียชาติตระกูล ลูกหล่าแม้ให้มีใจกรุณา ใจเมตตาเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ คนดีแม่ให้มีใจก้วงขวง คนทั้งปวงละสิยอยกเจ้า ยามกินเข้าให้คิดถึงคุณควาย พระอิศวรเผิ่นจึงมาผายโผด บ่เป็นโทษกายวาจาใจเว้านำไผเผิ่นก้อชมชื่น ไปบ้านอื่นสิมีผู้บูชา เทวดารักษาปกป้อง ฝูงพี่น้องยอย่องสรรเสริญ อื้อ ฮือ อือ อื้อฮือ อือ ฮือ อื้อ อือ ... เจ้าหากแม่นหลานปู่ละคนฮู้ผู้ดี แนวเศรษฐีลังกามาเกิด ผู้ประเสริฐโตเจ้าจงนอน ให้เจ้าฟังคำ สอนละพุทโธโอวาท ฝูงนักปราชญ์เอิ้นผู้ฟังธรรม รัตนังอุควรคำมาก เหตุยุ่งยากนอนแล้วบ่หนี สวัสดีนอนหลับคนตื่น คันบวชเข้าในศาสนา เป็นบุญญาถมคุณพ่อแม่ พ่อแม่เฒ่าให้เลี้ยงรักษา ยามเพิ่นมรณาทำบุญส่งให้ ลูกจึงได้ซื่อว่าคนดี เอ่อ เอ้อ เออ เอ้อ เอ่อ เออ... อื้อ อือ อือม์ นอนสาเด้อหล่าหลับตาแม้สิกล่อม แม่สิไปเข็นฝ้ายเดือนหงายเว้าผู้บ่าว แม่สิเอาพ่อน้ามาเลี้ยงให้ใหญ่สูง แนวโตเป็นกำพร้าอนาถาบ่มีพ่อ ทุกข์แท้น้อลูกแก้วแนวเจ้าพ่อบ่มี พ่อตายแล้วซิ่นแม่ขาดคาขา พ่อตายแล้วนาก็ขาดเข้าบ่มีเสาสิค้ำขื่อแม่เด้ ความทุกข์มาสู่มื้อลุงป้าบ่ว่าดี ตั้งแต่ก่อนก่อนกี้ตั้งแต่พ่อเจ้ายังมี ไผก็ดีปานหยังหมู่ฝูงลุงป้า อาว์อาพร้อมถนอมดีเกื้อกล่อม พ่อบ่มีเพิ่นบ่เว้าลุงป้าบ่ว่าหลาน พริกกะอยู่เฮือนเหนือ เกลือกะอยู่เฮือนใต้ หัวสิงไคอยู่บ้านเผิ่น ขึ้นเฮือนลุงเพิ่นก็เว้า ขึ้นเฮือนอาว์เพิ่นก็เว้า ขึ้นเฮือนย่ากะบ่ได้กลัวย่านแต่แก่มกิน นอนสาหล่านอนอู่สายปอ นอนกะทอ ยาฮ้างสงนางบ่มีพ่อ เชือกอู่ขาดฮ้อยต่อบ่ติดกัน แม่นไผน้อสิมาฝั้นเลนปอเป็นเชือกอู่ ลูกแม่เอย นอนสาหล่าหลับตาแม่สิกล่อม นอนอู่ฝ้ายป้ายใส่อู่ไหม นางสายใจนอนสาเจ้าอย่าตื่น ฮอดมื้ออื่นยาม เซ้าแม่สิไป แม่สิไปหาไม้หลัวฟืนคั่นมาผ่า เพราะแม่เป็นแม่ฮ้างผัวสิเลี้ยง... แม่นบ่มี ผัวซิซ้อน แม่นบ่มี... เอ้ย.... นอ

คัวหนูใส่ใบยี่หร่า


ลนหนูก่อนครับ ให้มันหนูแตก สีออกเหลืองๆจักหน่อย

สับเรียบร้อยกะใส่หม้อเลยครับ วงเล็บ..อีกต่อนหนึ่งนั่น ว่าสิเอาไปปิ้งให้ยายสั่นดอกว๊า..

หมายเหตุครับ บ่ควรกินผู้เดียวมันสิบ่แซบ หาเอิ้นหมู่ฮักๆกันนั่นมากินนำผู้หนึ่งคัวหนู ผู้หนึ่งตำเครื่อง อีกผู้

หนึ่งนั่นแผ่งเหล้า ฮ่า..ฮ่า..ส่วนเครื่อง กะมี พริกแห้ง,ตะไคร้,กระเทียม,กระชาย,ผิวบักกรูด ตำใส่กันให้

ละเอียดครับ สุดท้ายใส้หอมแดงจัก 4-5 หัว ตำพอแตกๆกะสิได้เครื่องแบบดีเลยครับ ปริมาณแต่ละอย่าง

นั่นกะแล้วแต่มักครับส่วนพริกแกงหรือว่าพริกไทยสดนั่นบ่ต้องใส่ดอกครับ มันได้ซื้อเขาส่ำนี้กะแซบล่ะ

ครับ.. คั่วแห้งบ่ใส่น้ำครับ จนออกสีเหลืองแต่อย่าให้ไหม้ขูดก้นหม้อใส่นำน้ำแกงสิออกสีเหลืองๆน่ากิน 

แล้วเติมน้ำพอประมาณ (อ่อม)เดือดแล้วกะปรุงรสตามใจชอบ ผมสิใส่น้ำปลาแดกจักหน่อยนำ..

ในที่นี้ผมใส่ผักยี่หร่าแทนใบกระเพราครับ จั่งเผ็ดฮ้อนดี..

ปรุงรสเค็ม นัว จาง ตามใจชอบ อย่าลืมใส่พริกโดดลงไปจัก 7-8 หน่วยนำแน่เด้อครับ ฉีกใบบักกรูดใส่จัก 

2-3 ใบ สุกได้ที่กะปลงหม้อเลยครั


วันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2555

อาชีพของคนอีสาน


ข้าวโพด ภาคนี้มีพื้นที่ทำนามากกว่าภาคอื่น ๆ แต่ผลิตผลที่ได้ต่ำ เพราะดินของภาคอีสานเป็นดินปนทรายไม่อุ้มน้ำและการทำนาส่วนใหญ่อาศัยน้ำฝนซึ่งไม่ค่อยแน่นอน บางปีมีน้ำมาก บางปีไม่มีน้ำเลย พอถึงฤดูแล้งน้ำในแม่น้ำลำธารจะเหือดแห้งไปเสียส่วนใหญ่ จึงจะพบว่าพอถึงหน้าแล้งประชาชนจะอพยพไปหางานทำต่างถิ่นเป็นจำนวนมาก ถึงฤดูฝนประชาชนก็ไม่ได้เตรียมการเก็บกักน้ำฝนไว้ใช้ให้เป็นที่แพร่หลายกัน เว้นแต่เก็บน้ำฝนไว้ดื่มกินเท่านั้น การขาดแคลนน้ำในภาคนี้ทำให้ไม่ค่อยมีการปลูกพืชหลังการเก็บเกี่ยวข้าวแล้ว ทำให้ผลผลิตมีน้อยเป็นเหตุให้ประชากรในภูมิภาคนี้มีความยากจนเป็นส่วนมาก ปัญหาขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตรทำให้เกิดโครงการน้ำพระทัยจากในหลวง หรือที่รู้จักกันในนาม โครงการอีสานเขียว ความมุ่งหมายของโครงการนี้เพื่อหวังจะยกระดับความเป็นอยู่ของประชากรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือให้ดีขึ้น โดยการหาและสร้างแหล่งน้ำ ปรับปรุงวิธีการประกอบอาชีพ ปรับปรุงด้านสุขภาพอนามัย สิ่งสำคัญที่ควรจะพิจารณาคือพื้นที่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือหลายแห่งไม่เหมาะสำหรับปลูกข้าว เพราะข้าวต้องการน้ำมาก แต่เหมาะสำหรับเลี้ยงสัตว์โดยเฉพาะการเลี้ยงวัว แต่การเลี้ยงวัวเลี้ยงควายโดยการปลูกหญ้าให้เป็นอาหารสัตว์นั้นยังทำกันไม่ค่อยแพร่หลายในภาคนี้ การเลี้ยงสัตว์จึงไม่ค่อยได้ผล สำหรับงานฝีมือ เช่น การทอผ้าไหมและการจักสานในภาคนี้ทำกันได้ดีมีฝีมือประณีต แต่การทำในลักษณะที่เป็นกิจการใหญ่โตทำครั้งละมาก ๆ เพื่อการค้ายังไม่เป็นที่นิยมกันในหมู่ประชาชน เนื่องจากความขัดสนในพื้นที่ผู้คนในภาคนี้จึงได้ดิ้นรนไปหางานทำกันในภาคอื่น ส่วนมากไปในลักษณะการบุกเบิกหาที่ทำกินใหม่ เรียกว่า " หานาดี " ในภายหลังการหานาดีก็ทำได้ยาก เพราะไม่มีพื้นที่จะให้บุกเบิกใหม่ ส่วนใหญ่จึงไปทำงานรับจ้างในที่ต่าง ๆ และไปกันถึงต่างประเทศ เช่น ประเทศสิงคโปร์ บรูไน และในประเทศเขตทะเลทรายตะวันออกกลาง ปัญหาของภูมิภาคนี้คือการหาหนทางปรับปรุงสิ่งที่มีอยู่ในภูมิภาค สร้างอาชีพใหม่ ๆ ให้เข้ากับสภาพทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ โดยเฉพาะการเลี้ยงสัตว์และตั้งโรงงานที่รองรับผลิตผล เหล่านี้จะสามารถแก้ปัญหาในภูมิภาคนี้ได้มาก อย่างไรก็ดีในปัจจุบันโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ขยับขยายไปตั้งยังภาคอีสานมากขึ้น ซึ่งแหล่งซื้อแรงงานจากชาวอีสานแหล่งใหญ่ ทำให้ชาวอีสานไม่ต้องจากถิ่นฐานไปหางานทำต่างถิ่นเหมือนอย่างเคย แต่โรงงานอุตสาหกรรมเหล่านี้ก็เข้ามาพร้อมกับการก่อปัญหาต่างๆมากมายต่อชุมชน ทั้งปัญหามลพิษ ปัญหาการใช้ทรัพยากรธรรมชาติมากเกินไป และได้ทำลายวิถีชีวิตความเป็นอยู่แบบเดิมๆของชาวอีสานไปอย่างสิ้นเชิง โครงการต่างๆที่รัฐพยายามดำเนินการเพื่อแก้ปัญหาให้แก่ชาวอีสาน เช่น โครงการ 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์ สามารถแก้ปัญหาต่างๆได้บ้าง แต่มักจะแก้ไม่ได้มากนักทั้งนี้เพราะส่วนใหญ่แล้วโครงการต่างๆเหล่านี้จะขาดการช่วยเหลือหรือสนับสนุนที่ต่อเนื่องจากส่วนราชการ เรียกว่าเป็นการดำเนินโครงการตามกระแสมากกว่าที่จะเป็นการดำเนินการอย่างยั่งยืน แต่ยังมีอีกหลายโครงการที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีโดยเฉพาะโครงการตามแนวพระราชดำริต่างๆ เช่น โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ โครงการศิลปาชีพ ซึ่งได้พลิกพื้นวิถีชีวิตของชาวบ้านที่เข้าร่วมโครงการให้ดียิ่งขึ้นควบคู่ไปกับการอนุรักษืวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมไว้

แจ่วบอง

แจ่วหรือ น้ำพริก เป็นอาหารที่ชาวอีสานนิยมรับประทานกัน  เพราะทำได้ง่ายมีเครื่องปรุงไม่มากนัก  แค่มีพริกและปลาร้าในครัวก็สามารถทำแจ่วได้แล้ว  ด้วยความที่ทำได้ง่ายจึงจะพบว่าอาหารของชาวอีสานเกือบทุกมื้อจะต้องมีแจ่วเป็นอาหารหลักๆน่นอน  ชาวอีสานนิยมรับประทานแจ่วกับผักที่เก็บได้จากรั้วบ้าน  หรือกับพวกเนื้อย่าง  ปลาย่าง หรือนึ่ง  ปัจจุบันถึงแม้วิถีชีวิตของชาวอีสานจะเปลี่ยนไปแต่อาหารต่างโดยเฉาะแจ่วไม่ได้เสื่อมความนิยมลงไปเลย  เพราะเหตุนี้เราจึงหาทานแจ่วแบบอีสานได้ทั่วๆไป

เครื่องปรุง 
 
รากผักชี 
ตะไคร้เผาพอหอม
ปลาร้าสับละเอียด
น้ำมันพืช(ไม่ใช้ก็ได้-ใช้น้ำเปล่าแทนได้)
น้ำมะขามเปียก-ข้น 
ข่าเผาซอย 
พริกป่น 
ปลาป่น
น้ำปลา
น้ำตาลทราย 

     ผักสดตามชอบ
วิธีทำ
   1.โขลกรากผักชี ตะไคร้ ข่าให้ละเอียดใส่กระเทียม หอม โขลกต่อให้ละเอียดใส่พริกป่นปลาร้า โขลกต่อให้เข้ากัน
   2. ตั้งกระทะไฟอ่อนใส่น้ำมันพร้อมใส่ส่วนผสมผัดใส่น้ำปลาร้าน้ำ  มะขามเปียกน้ำตาลผัดจนหอมจึงตักขึ้นรับประทานกับผักสดผักนึ่ง ถ้าไม่ชอบปลาร้าใส่น้ำปลาก็ได้

  เคล็ดลับ
    ควรใช้ปลาร้าที่เนื้อแน่นๆ

  คูณค่าทางอาหาร     โปรตีนวิตามินเอ ซี โปรตีน 
%%%%%%%%%
แจ่วบอง

เครื่องปรุง
เนื้อปลาร้า 1/2 ถ้วย


น้ำปลา 1 ช้อนชา
พริกขี้หนูเผา 20 เม็ด
น้ำ 1/2 ถ้วย
มะเขือเทศสีดาเผา 5 ผล
ผักสด เช่น มะเขือต่างๆ ถั่วฝักยาว ผักชีลาว
หอมแดงหั่นคั่ว 3 หัว

ผักชีล้อม ผักชีฝรั่ง กะหล่ำปลี แตงกวา ผักไผ่

น้ำมะขามเปียก 1-2 ช้อนโต๊ะ


การทำลาบปลาดุก

ส่วนผสม
ปลาดุกหนัก 300 กรัม1 ตัว
ข้าวคั่ว2 ช้อนโต๊ะ
พริกป่น1 ช้อนชา
ข่าโขลกละเอียด1 ช้อนชา
หอมแดงซอย1 ช้อนโต๊ะ
ใบมะกรูดหั่นฝอย2 ช้อนชา
ต้นหอมซอย2 ต้น
ใบสะระแหน่1/2 ถ้วย
น้ำมะนาว2-3 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา2 ช้อนโต๊ะ
ผักสด กะหล่ำปลี ถั่วฝักยาว ใบโหระพา

วิธีทำ
1. ขูดเมือกบนผิวปลาดุกออก นำไปย่างไฟพอสุก แกะเอาแต่เนื้อ สับหยาบๆ
2. เคล้าเนื้อปลาดุกกับข้าวคั่ว พริกป่น ข่าหั่นฝอย หอมแดงซอย ใบมะกรูดหั่นฝอย
3. ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว โรยใบสะระแหน่ ต้นหอมซอย ชิมรสตามชอบ รับประทานกับผักสด กะหล่ำปลี ถั่วฝักยาว

อาหารอีสานส้มตำปูดองอีสาน

มะละกอดิบ 1 ลูก
กระเทียม 5-6 กลีบ
พริกขี้หนู 5-6 เม็ด
มะเขือเทศผ่าครึ่ง 2 ลูก
ถั่วฝักยาวหั่น 1 ฝัก
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว หรือ
น้ำมะขามเปียก 1/4 ถ้วย
น้ำตาลปีป 1 ช้อนโต๊ะ 

ปูดอง 5- 8 ตัว

ภาษาพูดของคนอีสาน

มาดูตัวอย่างคำภาษาอีสานกัน


เพลงลูกทุ่งภาษาอีสานที่ได้รับความนิยมกันทั่วประเทศและจากคนรอบตัวที่เป็นคนอีสาน ทำให้ภาษาอีสานยังคงสามารถสืบสานต่อไปได้อยู่ถึงแม้จะมีคนอีสานบางกลุ่มเลิกใช้   

ภาษาพูดของคนอีสานในแต่ละท้องถิ่นนั้นจะมีสำเนียงที่แตกต่างกันออกไปตามสภาพทางภูมิศาสตร์ที่มีอาณาเขตติดต่อกับถิ่นใดรวมทั้งบรรพบุรุษของท้องถิ่นนั้นๆด้วย เช่น แถบจังหวัดศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ มีชายแดนติด กับเขมรสำเนียงและรากเหง้าของภาษาก็จะมีคำของภาษาเขมรปะปนอยู่ด้วย ทางด้านจังหวัด สกลนครนครพนม มุกดาหาร หนองคาย เลยที่ติดกับประเทศลาวและมีชาวเวียดนามเข้ามาอาศัยอยู่ค่อนข้างมากก็จะมีอีกสำเนียงหนึ่งชนเผ่าดั้งเดิมที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นๆก็จะมีสำเนียงที่มีเอกลักษณ์เป็นของตนเองและยังคงรักษาเอกลักษณ์นั้นไว้ตราบจนปัจจุบันเช่น ชาวภูไท ในจังหวัดมุกดาหารและนครพนมถึงแม้ชาวอีสานจะมีภาษาพูดที่มีความแตกต่างกันในแต่ละท้องถิ่นแต่ในภาษาอีสานก็มีสิ่งหนึ่งที่ยังคงมีความคล้ายกันก็คือลักษณะของคำและความหมายต่างๆ ที่ยัง คงสื่อความถึงกันได้ทั่วทั้งภาค ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ชาวอีสานต่างท้องถิ่นกันสามารถสื่อสารกันได้เป็นอย่างดี

ในปัจจุบันชาวอีสานตามเมืองใหญ่ โดยเฉพาะเด็กวัยรุ่นได้หันมาใช้ภาษาไทยกลางกันมากขึ้น เพราะวัยรุ่นเหล่านี้ส่วนใหญ่ได้รับการศึกษาที่ดีเทียบเท่ากับคนในภาคกลางหรือกรุงเทพมหานครทำให้ภาษาอีสานเริ่มลดความสำคัญลง แต่ผู้คนตามชนบทและคนเฒ่าคนแก่ยังใช้ภาษาอีสานกันเป็นภาษาหลักอยู่ ทั้งนี้คนอีสานส่วนใหญ่จะสามารถสื่อสารได้ทั้งภาษาอีสานของท้องถิ่นตนเองและภาษาไทยกลาง หากท่านเดินทางไปในชนบทของอีสานจะพบการใช้ภาษาถิ่นที่แตกต่างกันไปดังที่กล่าวมาแล้ว แต่คนอีสานเหล่านี้โดยเฉพาะวัยรุ่นหนุ่มสาวก็จะสามารถสื่อสารกับท่านเป็นภาษาไทยกลางได้อีกด้วย ทั้งนี้เพราะวัยรุ่นชาวอีสานใหญ่จะเข้ามาหางานทำในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เมื่อก่อนจะไปหางานทำเฉพาะหลังฤดูทำนา แต่ในปัจจุบันวัยรุ่นส่วนใหญ่จะเข้ากรุงเทพฯและทำงานที่นั่นตลอดทั้งปี ชาวอีสานที่ไปต่างถิ่นนอกจากจะหางานทำแล้วก็ยังมีการเผยแพร่วัฒนธรรมรวมทั้งภาษาของตนเองไปในตัว จะเห็นได้จากในปัจจุบันชาวไทยจำนวนมากเริ่มเข้าใจภาษาอีสาน ทั้งจาก

กะซาง ช่างเถอะ 
กะด้อ กะเดี้ย อะไรกันนักหนา
กินเข่าสวย รับประทานอาหารกลางวัน
เกิบ รองเท้าแตะ
กินดอง เลี้ยงฉลองสมรส กะเลิงเบิ๊บ
ยายเฉิ่ม,คนสติไม่ดี
กะจังว่า ก็นั่นน่ะสิ 
กองอ้วกย้วก ลักษณะคนล้มทรุดตัวลงกองกับพื้น
เกี้ยงตั๊บ หมดเกลี้ยง 
กินข่าวสวย รับประทานอาหารกลางวัน
ข. - - -
ขี้ตั๋ว โกหก,พูดไม่จริง 
ขี้ตะแร้ รักแร้
ขี้หินแฮ หินลูกรัง 
ข่อยกับเจ้า ฉันกับเธอ
ขี้โก๊ะ จิ้งเหลน, จิ๊กโก๋ 
ขี้เกี้ยม จิ้งจก
ขนคิงลุก ขนลุก
ข่อยกั๊บเจ้า ฉันกับเธอ
ขะหยอน มิน่าล่ะ 
ขี้เมี่ยง สนิม
ค. - - 

เคียด โกรธ,งอน คนมะลำมะลอย คนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ
คักอีหลี สะใจจริงๆ คนบ่เคียม คนซุ่มซ่าม
คอง(ภาษาอีสานตอนบน) รอคอย เคียม สุภาพเรียบร้อย
เคียด โกรธ คึดฮอด คิดถึง
เคิกกัน คลาดกัน (อีสานตอนบน) 
คำคิง สัมผัส,แตะตามเนื้อดูว่าตัวร้อนหรือไม่
คนมะลำมะลอย คนไม่น่าเชื่อถือ เอาแน่อะไรไม่ได้
คือเก่า เหมือนเดิม
คะมะ หยุดชะงักด้วยเหตุบังเอิญ 
ง. - - -
งานดอง งานแต่งงาน
งานเฮือนดี งานศพ
ไงกุ้ม ฝุ่นตลบ งอนตอ ท้ายทอย (อีสานบน)
งามโพดงามเหลือ งามแท้งามว่า สวยจริงสวยจัง สุดจะพรรณา ง้วกเบิ่ง เหลียวมอง
จ. - - -
เจ้า, ข่อย คุณ, 
ฉัน จี่ ปิ้ง,ย่าง
จักแหล่ว ไม่รู้สิ 
จอบเบิ่ง แอบดู
จอก แก้ว จั๊กกะเดียม จั๊กกะจี้
จาฮีต เป็นคำยืนยันถึงความจริง,แน่นอน 
ใจฮ้าย โกรธ,โมโห
จังได๋ แบบไหน,ยังไง 
จาวขาย ประกาศขาย
แจบใจ มั่นใจ,สนิทใจ 
ใจออก ถอดใจ,ท้อถอย
จือ จำ,เข็ด 
โจงโปง โล่ง,ว่างเปล่า
จาวขาย ประกาศขาย 
จอกน้ำ แก้วน้ำ



ซอกหา ค้นหา,ตามหา 
โซนแซว เอะอะ,เสียงดัง
ซ่า ช้า ซั่นแหล่ว ก็ว่างั้นแหล่ะ
ซะซาย กระจัดกระจาย 
ซุมเข่าแลง สังค์สรรค์มื้อเย็น
ซัง เกลียด ซุ ก้นทะลุ
เซือ เชื่อ 
ซอมใจ ตรอมใจ 
เซาจุ๊ดปุ๊ด หยุดทันที,หายทันควัน
ซอยแน ช่วยด้วย แซวซะ เสียงดัง,อึกกะทึก คึกโครม
ซุมแซว รื่นเริง,สังสรรค์ . .
ด. - - -
ดังไฟ ก่อไฟ 
โดน นาน
ต. - - -
ตะพึดตะพือ ไม่บันยะบันยัง 
ตั้มอิด แรกเริ่ม.เริ่มต้น,ครั้งแรก,ทีแรก
ตาฮัก ตาแพง น่ารัก น่าเอ็นดู แตกวึ่นๆ แตกตื่น
ตังนัง เก้าอี้,ม้านั่ง 
ตะเว็น ดวงอาทิตย์
ตื่น ตกใจ! 
ต้อดเข่ามา ขยับ,กระแซะๆๆๆ เข้ามาซิ
ตำหูก ทอผ้า 
ติงคิง ขยับ, แตะต้องเนื้อตัว
เต้า ประชุม (อีสานตอนบน) 
ตุ้มไว้ รวบรวม
ถ. - - 

ถอกของแหล๋ว เทของเหลว 
ถิ่ม ทิ้ง
โถงเสี่ย กระเป๋าเสื้อ(อีสานใต้) . .
ม. - - -
มัก รัก, ชอบ 
หมากมี่ ขนุน
หมากหุ่ง มะละกอ 
หมากเขียบ น้อยหน่า
มุนอุ้ยปุ้ย แหลกละเอียด 
แมนแท้ จริงแท้แน่นอน
แมนบ่ ใช่ไหม? 
บ่แมน ไม่ใช่
มิดจีลี เงียบสนิท 
มุน แหลกเป็นผุยผง,ละเอียดยิบ
หมู่เฮา กลุ่มเพื่อน 
มืดตึ๊บ มืดแปดด้าน นึกอะไรไม่ออก
มิด เงียบ มาเข่า แช่ข้าวเหนียวเพื่อเตรียมนึ่ง
มีแฮง สดชื่น,กระปรี้กระเปร่า 
แมงงอด แมลงป่อง
เมือย เหนื่อย 
มูลมัง มรดก
มักย่อง บ้ายอ 
มะยิบ มะยอย เล็กๆน้อยๆ นิดๆหน่อยๆ
น. - - -
นำไป ตามไป . .
บ. - - -
บ่ฮู้จักควม ไม่รู้ประสีประสา 
บักหำ คำเรียกเด็กผู้ชาย
บาย จับต้อง,สัมผัส 
บ่หัวซา ไม่ถือสา, ไม่ใส่ใจ
บ่จือ ไม่เข็ด 
เบิ๊ด หมด
บักมี่ ขนุน 
บักเขียบ น้อยหน่า
บักนัด สับปรด

เป่นต่าน๊าย น่าเบื่อหน่าย 
เป็นตางึด น่าฉงน
แปน เอี่ยม,ราบคราบ 
เป่นจั๊งบุญ เดชะบุญ
เป็นตางึ๊ด น่าฉงน 
ปึก โง่,เรียนไม่เก่ง
ปิ้น กลับ,พลิก 
พ. - - -
พอกะเทิน ไม่มากไม่น้อย ครึ่งๆกลางๆ พ่อฮัก แม่ฮัก พ่อแม่บุญธรรม
พยาธิ์ฮ้าย โรคร้าย 
พัดแต่ใด๋ เริ่มแรก,แต่ไหนแต่ไร
พอกำกา ไม่มากไม่น้อย,ครึ่งๆกลางๆ,50:50 
โพดเหลือ เหลือเกิน
ฟ. - - 

ฟ้าว รีบเร่ง . .
ผ. - - -
ผักอีเลิศ ใบชะพลู 
ผู้ข่า ข้าพเจ้า
ย. - - -
ย่าน กลัว 
ยามสวย ตอนสาย
ยางกิ๊นกิน อากัปกิริยาการเดินมุ่งตรงและเร่งด่วน 
ล. - - -
ล่วง ถือวิสาสะ 
เล่าแนเด้อ ขอเรียนเชิญเพื่อร่วมงาน
ลำลี่ ลำไล เซ้าซี้ มากเรื่อง 
ลอยน้ำ ว่ายน้ำ
เลาะบ้าน ตะเวนตามหมู่บ้าน 
ลุนหมู่ ทีหลังเพื่อน
ว. . . .
เหว้าพื้น กล่าวถึง,พูดถึง เหว้าดุ พูดมาก
(เป็นการกล่าวนำของชาวอีสานตอนล่าง) 
เว้ามวนซวนหัว พูดตลกขบขันน่าหัวเราะ . .
ส. - - 

สะหวอย อ่อนเพลีย, หมดแรง สะออน ปลื้ม, น่าชมเชย
สะเดิด สะดุ้ง 
เสี่ยว เพื่อน, มิตร
สีแหล่ สีน้ำเงินอมม่วง 
สีบัว สีชมภู (ภาษาอีสานตอนบน)
โสเหล่ วิพากษ์ วิจารณ์ ส่ง กางเกง
ส่วง สีข้าง
สำมะปิ จิปาถะ
ส้นน่อง ส้นเท้า 
สาด เสื่อ
โสเหล่ วิพาก วิจารณ์ 
ส่ง กางเกง
เสื่อหมากกะแล่ง เสื้อคอกระเช้า 
เส้า หยุด, เลิก, ระงับ
สำมะปิ จิปาถะ
สุกยู้ ผลักดัน
สำมะแจะ สาระแน . .


ห่อย ห้อย,แขวน 
ห่าว อาการสดชื่น,ตื่นตัว
หมากอึ ฟักทอง . .
ห้าง พัง,หย่าร้าง 
หน่าลา อาการเสียหน้า
ห้อน ร้อน . .



อีเกิ้ง ดวงจันทร์ 
อัง คับแคบ

ฮ. - - 

โฮมตุ้ม ชุมนุม,รวมตัว
ฮู้เมือ รู้สึกตัว
ฮัก รัก 
เฮา เรา
ฮำฮอน อาลัยอาวรณ์ 
ฮ้าย ดุ, ดุดัน, ต่อว่า ต่อขาน
อยากหัว น่าขัน น่าหัวเราะ 
เฮ็ดงาน ทำงาน
แฮง แรง แฮกหมาน ประเดิม